คอมไม่แรงก็ Live ได้ !! ด้วย 3 ช่องทาง ทำ Live แบบเบาเครื่อง

อยากจะ ทำ Live ตั้งค่ายังไงก็กระตุก ภาพไม่ลื่นแบบคนอื่นๆ สักที หากว่าเน็ตแรงแล้วยังเจอกับปัญหานี้อยู่ สเปคเครื่องของคุณอาจจะไม่ได้แรงเท่าเขาก็เป็นได้ แต่เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่ OBS ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำตัวโปรแกรมและเว็บแอพ ที่จะช่วยให้คุณ Live ได้แบบสวยๆ ที่คอมพิวเตอร์ทำงานออฟฟิศทั่วไปก็สามารถใช้ได้ครับ

ก่อนจะมาเริ่มทำความรู้จักกับโปรแกรมทั้งสาม แนะนำให้ทำแบบทดสอบเพื่อวัดประสิทธิภาพเครื่องกันก่อน ถ้าได้ 7 คะแนนก็ใช้ได้แล้ว และถ้าได้สัก 10 คะแนน ก็ยิ่งสามารถ Live ด้วยช่องทางเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ

หากว่าทำเสร็จเรียบร้อย รู้คะแนนกำลังเครื่องตัวเองกันแล้ว มารู้จักตัวแรกกันเลยดีกว่า

1.StreamYard

SY01

ราคาต่อเดือน : ฟรี, Basic 25USD, Pro 49USD
ระบบที่รองรับ : Windows (Chrome), Mac (Safari) และ Android ผ่าน Chrome
เว็บไซต์ : StreamYard.com

เจ้า StreamYard นี่เป็นเว็บแอพที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในการทำ Live ได้หลายอย่างมากๆ และด้วยการที่ตัวเค้าเองทำงานแบบออนไลน์บนหน้าเว็บ ทำให้เราเพียงแค่ใช้ Chrome หรือ Safari เท่านั้น ก็สามารถ Live ไปได้หลายที่ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Periscope, Twitch, Linkedin และยังใส่ Custom RTMP ได้ด้วย

SY02

โดยแพคเกจเริ่มต้นนั้น เราสามารถใช้งานได้ “ฟรี” เดือนละ 20 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะเยอะที่สุดเท่าที่เราเอามาให้ดู ณ วันที่เขียนบทความนี้แล้ว สามารถ Live ไปได้ 1 ที่และมีฟังชันก์การใช้งานเด่นๆ ที่หลายคนอยากได้แทบจะครบ อย่างเช่น

  • ผูกเข้ากับ Facebook / Youtube ของเราและ Live ได้เลย
  • แสดง Comment จากคนดู ให้แสดงบนหน้าจอได้ทันที
  • เรียกแขกรับเชิญมาร่วมวงกับเราได้ รวมทั้งหมด 6 คน เพียงแค่ส่งลิงค์
  • มี Layout ให้เลือกใช้หลายแบบ
  • หากเสียเงินเพิ่มจะสามารถ Live ไปได้หลายที่พร้อมกัน ใส่ Logo / Overlay / Background ของตัวเองได้ และมีการบันทึกตัววิดีโอที่ทำการ Live ไว้ให้ด้วย

คลิปด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างการใช้งาน StreamYard ที่ใช้ Live จริงๆ ที่เพจของผมครับ

นอกจากนี้ด้วยความเบาของตัวโปรแกรม เรายังสามารถใช้งาน StreamYard บนมือถือ Android ผ่าน Chrome โดยการเปิด Desktop Mode ได้ด้วย ทำให้เราอยากจะไป Live ทีไ่หนนอกสถานที่แต่ยังอยากได้ฟังก์ชั่นการเชิญคนเข้ามา รึโชว์คอมเม้นก็สามารถทำจากที่ไหนก็ได้อีกด้วยนะ

96042981 288584905884415 2625073952501792768 n
ภาพหน้าจอการใช้งานผ่านมือถือ Mi 8 ครับ

สำหรับเว็บ StreamYard นี้ผมได้ทำคลิปแนะนำการใช้งานไว้แล้ว ถ้าสนใจดูการใช้งานและเปรียบเทียบระหว่างแบบฟรีกับเสียเงินว่าต่างกันยังไง สามารถดูได้ที่บทความด้านล่างนี้ได้เลยครับ

จบไปแล้ว 1 โปรแกรมจะขอแนะนำอีก 1 โปรแกรมที่หลายคนไม่รู้ว่าสามารถเอามา ทำ Live ได้ นั่นก็คือ

2. Zoom

Zoom01

ราคาต่อเดือน : ฟรี (Live ไม่ได้), 14.99USD ขึ้นไป
ระบบที่รองรับ : Windows, Mac
เว็บไซต์ : zoom.us

พอบอกไปแล้ว หลายคนอาจจะงงว่า นี่มันโปรแกรมสำหรับประชุมไม่ใช่เหรอ ?? ใช่แล้วครับ ในตัว Zoom บน Package ที่เสียเงินตั้งแต่ตัวแรก คือ 14.99USD ต่อเดือนนั้น จะสามารถ ทำ Live ไปยัง Facebook หรือ Youtube ได้ด้วย

โดยฟังก์ชั่นของ Zoom นั้นหลายๆ คนที่ Work From Home ในช่วง COVID-19 ระบาดนี้ คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น

  • การรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ 100 คน หรือมากกว่านั้น ตามแพคเกจที่ใช้
  • แชร์ภาพบนหน้าจอให้คนดูให้เห็น รวมถึงแชร์เสียงที่เล่นในเครื่องออกไปได้
  • แชทส่งข้อความหากันได้แบบส่วนตัวเป็นรายคน
  • เปลี่ยนภาพพื้นหลังได้โดยไม่ต้องมี Green Screen
  • เลือกขยายภาพผู้เข้าร่วมประชุมได้ รวมถึงการเปิดปิดเสียง
  • รองรับการเช้าร่วมประชุมผ่านมือถือทั้ง Android และ iOS

และที่สำคัญที่ทำให้มาแนะนำตัว Zoom เพราะว่าแม้ว่าเครื่องสเปคต่ำอย่าง i3 แรม 4GB ก็สามารถใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแรงๆ โหดๆ แต่อย่างใด

ใครที่ซื้อแพคเกจมาแล้ว แต่หาเมนูสำหรับ ทำ Live ไม่เจอ สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ

และหากใครยังไม่เคยใช้ Zoom แนะนำให้ดูคลิปคู่มือการใช้ Zoom ที่ผมได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วได้ที่บทความด้านล่างนี้เลยครับ เมื่อเราใช้งาน Zoom ได้แล้ว ที่เหลือก็แค่เปิดการใช้งาน Live ของเราเท่านั้นครับ

สุดท้าย อีกทางที่จะช่วยให้เรา Live ได้แต่หลายคนไม่เคยใช้มาก่อน แถมกินกำลังเครื่องเบาๆ ก็คือ !!

3. Facebook / Youtube

FBYT

อาจต้องร้อง ฮะ? กันอีกรอบ แต่ผมเองก็เชื่อว่าหลายๆ คนไม่มีใครเคยลองต่อกล้องแล้วใช้ Live บนคอมพิวเตอร์ของตัวเองโดยไม่ได้ผ่านโปรแกรมอื่นๆ มาก่อน ซึ่งจริงๆ แล้ว ทั้งสองเว็บนี้น่ะ มีฟังก์ชั่นที่สามารถใช้ Live ได้ในตัวอยู่แล้ว และที่สำคัญ มันเบาเครื่องสุดๆ ไปเลยล่ะครับ เพียงแต่ว่า เราจะไม่สามารถมีลูกเล่นอย่างการใส่ตัวอักษร หรือ transition ต่างๆ ได้

และถ้าหากจุดประสงค์ของคุณคือการ Live โดยมี Content ดีๆ อยู่กับตัว การ Live เพียวๆ โดยไม่มี Effect อะไรมาวุ่นวาย อาจจะทำให้คนโฟกัสกับเนือหาของคุณมากขึ้นก็ได้นะ

สำหรับบน facebook ในหน้าโปรไฟล์ของเราให้เลือกไปที่ “วิดีโอถ่ายทอดสด” จากนั้นแทนที่จะไปที่การเชื่อมต่อเหมือนวิธีการที่เราทำกันตามปกติ ให้เราเลือกที่ Tab กล้องแทน จากนั้น Browser ที่เราใช้จะของ Permission ในการเข้าถึงกล้องของเรา เมื่ออนุญาตแล้ว เราสามารตั้งชื่อเรื่องและเลือกกล้องกับไมค์ที่จะใช้ใน Live นี้และก็กดปุ่มเริ่มถ่ายทอดสดได้เลย

FB01 1 1
เลือกที่แทป “กล้อง” และเลือกล้องกับไมค์ที่จะใช้ขวามือ ตั้งชื่อเรื่องแล้วเริ่ม Live ได้เลย

ระหว่างที่ Live ผมเปิด Task Manager ขึ้นมาเพื่อดูว่ามีการใช้ CPU มากน้อยแค่ไหน ก็ตามที่เห็นในภาพว่าแทบจะไม่มีการใช้งาน CPU เท่าไหร่เลย รวมถึงการใช้งาน GPU ก็เช่นกัน

FB02

ในส่วนของ Youtube หลังจากที่เปิดหน้าเว็บขึ้นมาแล้ว ให้ตรงไปที่มุมขวาบนตรงปุ่ม Create จากนั้นแทนที่เราจะ Upload ก็ให้เลือก Go Live แทน ก็จะพบหน้าจอตามนี้ครับ

YT01

ให้เรากรอกรายละเอียดของการ Live และตั้งค่าในแบบเดียวกันกับเวลาอัพโหลดคลิปให้เรียบร้อย ความยุ่งยากอย่างนึงของ Youtube คือไม่มีส่วนของการเลือกกล้องให้ เราต้องจัดการผ่าน Setting ใน Chrome เอง เมื่อเสร็จแล้วก็กด Next ไป

YT02

และเมื่อเราเริ่ม Live จะเห็นว่า Youtube นั้น กิน CPU มากกว่า Facebook อยู่นิดหน่อย แต่เมื่อเทียบกับการใช้งาน OBS Studio แล้ว ก็ยังถือว่าน้อยมากอยู่ดีนะครับ

ทีนี้ก็หมดปัญหาเรื่อง Live ไม่ได้เพราะสเปคเครื่องไม่ถึงกันแล้วนะครับ ลองเลือกวิธีการทั้งสามแบบนี้ไปใช้กันดูก่อนที่จะอัพเกรดเครื่อง เว้นแต่หากลองแล้ว ทั้งสามแบบยังไม่ตอบโจทย์จริงๆ ค่อยซื้อเครื่องใหม่ก็ยังไม่สายครับ 😁

=====================================

กล้องที่ใช้งาน Panasonic Lumix G7 + 25mm f1.4
กล่องแปลงสัญญาน APS HDMI to USB 3.0 
ขาตั้งกล้อง Joby Telepod PRO Kit 

เว็บไซต์ https://undervlog.blog
Facebook Page https://fb.com/undervlog
Youtube Channel https://www.youtube.com/undervlogdotblog