[Content Creator] ใส่ Tag บน Youtube ให้คนเจอคลิปเราง่ายขึ้น

นอกจากเนื้อหาที่ดีแล้ว การใส่ Tag ที่คลิปของเราใน Youtube ยังจะมีผลช่วยให้คลิปของเรามีโอกาสปรากฏไปบนรายการของคนที่ทำการค้นหาหรือสนใจในเนื้อหาที่คล้ายๆ กับคลิปของเราได้ด้วย แต่ก่อนอื่น สำหรับคนที่อาจจะไม่รู้เรื่อง Tag มาก่อน ผมขออธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับ Tag ไว้เท่าที่ผมเข้าใจก็แล้วกัน

Tag คืออะไร ทำไมต้องใส่?

Tag คือสิ่งที่เราเอาไว้อ้างถึงสิ่งที่เราพูดถึงทั้งในเนื้อหาโดยรวม และเกี่ยวข้องกับเนื้อหาทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ที่สนใจในเรื่องนั้นๆ ค้นหาได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกันกับ Search Engine ทั้งหลายที่อาศัยการ Tag เป็นส่วนหนึ่งในผลการค้นหาด้วย

ไม่ว่าเราจะทำ Content แบบไหน สิ่งหนึ่งที่เราจะมีเหมือนๆ กันก็คือสิ่งที่เราพูดถึงเป็น “เนื้อหาหลัก” อย่างเช่นในเนื้อหานี้ ผมกำลังจะเล่าถึงวิธีการใส่ Tag ของ Youtube ฉะนั้น เนื้อหาหลักที่ผมกำลังจะเขียนถึงทั้งหมดก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั่นเอง เราจึงสามารถใส่ Tag ให้กับบทความนี้ได้ว่า “วิธีใส่ Tag Youtube” ก็ได้

ส่วนการเลือกคำมาใส่แบบไหน ผมขอเอาไว้ท้ายบทความนะครับ มาดูวิธีการใส่กันก่อน

วิธีการใส่ Tag ให้กับคลิป ของเราบน PC

เรามาเริ่มต้นจากวิธีการทำบน PC กันก่อน กรณีที่เราอัพคลิปเรียบร้อยแล้ว (หรือระหว่างอัพคลิปก็จะมีหน้าจอให้ใส่รายละเอียดและ Tag เลยด้วย) ให้ไปคลิปที่ไอคอนรูป Channel ของเราที่ทางซ้ายมือบน จนได้ Dropdown Menu โชว์ขึ้นมาก่อน

จากนั้นเมื่อปรากฏ Dropdown Menu ขึ้นมา ให้เราเลือกไปที่ Youtube Studio เพื่อที่จะเข้าไปที่โหมดจัดการตัวคลิปของเราอีกทีนึง

เมื่อเข้ามาแล้ว คลิกไปที่ไอคอน “Video” เพื่อเข้าไปจัดการตัวคลิปของเรากันครับ

ทำไมคลิปคนอื่นชัดกว่า ? มาดู Format ที่ Youtube ชอบกันเถอะ

แม้ว่ากล้องของเราจะถ่ายภาพได้ความละเอียดระดับ 4K ตอนดูคลิปก่อนตัดก็คมชัดดี แต่พอตัดต่อเสร็จ Export file มาเรียบร้อยแล้ว พอมาดูตัวคลิปกลับไม่ชัดเอาซะเลย? อ่านต่อกันได้ที่ลิงค์นี้ครับ

ในเมนู “Video” นี้ ที่จริงแล้วมีรายละเอียดให้เราเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ทั้งการดูสถิติ การตัดต่อคลิปที่อัพไปแล้ว และการใส่ Subtitle ด้วย ซึ่งผมจะมาเล่าให้ฟังภายหลังอีกทีครับ

เมื่อเข้ามาที่หน้าจอการจัดการวิดีโอของเราแล้ว ให้เลื่อนลงมาด้านล่างครับ เราจะเจอ Text Box สำหรับใส่ Tag ของเราตรงนี้เอง

ที่ช่องการใส่ Tag นี้เอง เราสามารถใส่คำที่เราต้องการ โดยคั่นระหว่างคำด้วยเครื่องหมาย ” , ” หรือที่เรียกว่าคอมม่า(Comma) เพื่อให้คำแยกออกจากกัน เมื่อเสร็จแล้วก็กด Save ที่มุมขวาบนได้เลย

วิธีการใส่ Tag ให้กับคลิปของเราบนมือถือ

ผมแนะนำให้ทุกคนไปดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ Youtube Studio กันก่อน เพื่อความสะดวกในการจัดการ และดูสถิติแต่ละคลิปของเราได้ง่ายด้วย

สำหรับ android : Youtube Studio App บน Google Play
สำหรับ IOS : Youtube Studio App บน App Store

เมื่อติดตั้งเรียบร้อย เปิดแอพแล้วแตะไปที่คลิปที่เราต้องการจัดการ Tag จากนั้นแตะที่รูปปากกาด้านขวาบนเพื่อทำการ Edit

เลื่อนหน้าจอลงมาด้านล่างก็จะเจอ Text Box ที่เอาไว้ใส่ Tag แล้ว เว้นด้วยเครื่องหมาย ” , ” (Comma) เช่นกัน แต่ในมือถือ มันจะไม่แสดงเป็นกลุ่มคำแบบเดียวกันใน PC ให้เห็นชัดๆ แต่ก็ช่วยให้เราจัดการเรื่องนี้จากมือถือที่ไหนก็ได้ สะดวกไปอีกแบบ

ใส่ Tag แบบไหนถึงจะดีและคนค้นหาเจอ

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำ SEO แต่อ่านบทความจากหลายๆ ที่และลองทำมาด้วยตัวเอง ทำให้สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับการเลือกคำและลำดับคำที่ควรจะนำมาใส่เป็น Tag ได้ตามนี้

1. ต้องเป็นคำที่แสดงถึงเนื้อหาทั้งหมด หรือหัวข้อหลักที่เราอยากให้คนดูได้รับรู้

• ควรจะเป็นคำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับเนื้อหาจริงๆ ไม่หว่านจนกว้างเกินไป ซึ่งมันจะไม่ดีกับการให้ความสำคัญของคลิปเราในระบบการค้นหาด้วย เวลาคนค้นหาเราก็จะไม่เจอในรายการ หรืออยู่ลำดับท้ายๆ

2. คำที่เกี่ยวข้องที่สุด ให้เอาไว้ลำดับแรกๆ

• เพื่อให้คลิปของเราถูกระบุว่าเราให้ความลำคัญกับเนื้อหาในเรื่องนั้นๆ เราควรเรียงลำดับความสำคัญของ Tag ตามลำดับความเกี่ยวข้องในเนื้อหาด้วย

3. ใช้คำที่ผสมกันได้

• อย่างเช่นผมทำคลิปสอนวิธีการใช้งาน OBS Studio นอกเหนือจากเอาชื่อโปรแกรมมาใส่เป็น Tag แล้ว ผมก็จะนำคำที่ผสมกันได้ ใส่ลงไปใน Tag ด้วย เช่น “วิธีใช้” , “Live” , “Facebook” เวลาคนที่ค้นหา หากมีคำเหล่านี้ผสมอยู่ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่คลิปของเราปรากฏขึ้นมาในรายการด้วย

4. อย่าใส่ Tag เยอะเกินไป

• เช่นเดียวกับที่พูดในข้อ 1 หากเราใส่ Tag เยอะมากไป จนทำให้ข้อความใน Tag เกิดการไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหามีมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ระบบการค้นหาแยกคลิปของเราไม่ออกว่า จริงๆ แล้วมันเกี่ยวกับอะไรกันแน่
  
  เช่น หากว่าเรากำลังพูดถึงวิธีการถ่าย Vlog ด้วย Osmo Pocket ที่สวนสนุก เราอาจจะใส่ Tag แค่สวนสนุกก็พอ (ซึ่งจริงๆ อาจจะไม่ต้องใส่ก็ได้) เราก็ไม่ควรใส่พวกชื่อเครื่องเล่นในสวนสนุกอย่าง ม้าหมุน บ้านผีสิง เรือไวกิ้ง ลงในคลิปลงไปเยอะๆ เพราะมันอาจจะมีภาพพวกนั้น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสักเท่าไรเลย

5. ลองนำคำที่เราใช้ไปค้นหาดู เพื่อดูไอเดียเพิ่มเติม

• เวลาที่เราค้นหาอะไรสักอย่างบน Youtube ข้อดีของมันก็คือ มันจะแสดงคำค้นหาแนะนำขึ้นมาให้ ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ว่า คำที่เราเอามาใช้ใน Tag เคยมีการถูกค้นหาโดยคนอื่นๆ มาแล้วบ้างไหม หรือช่วยให้เราได้ไอเดียใหม่ๆ ในการใส่ Tag และทำ Content เพิ่มเติมจากเนื้อหาที่คนค้นหาบ่อยๆ ได้ด้วย

Youtube Premium มาแล้ว รายได้จะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า

หลังจาก Google เปิดตัว Youtube Premium หลายคนที่ทำคลิปต้องกังวลเรื่องนี่กันอยู่แน่ๆ แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?

อ่านกันได้ที่บทความนี้นะครับ

สรุป : หลังใส่ Tag แล้วยังไงต่อ?

ที่เหลือคอรอดูและติดตามผลครับว่า Tag ที่เราใส่ ทำให้คนเข้ามาค้นหาเจอคลิปของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราสามารถดูได้ที่ Analytics ของคลิปเรา (อันนี้ก็น่าสนุกไว้จะมาเล่าในโอกาสต่อไป) โดยเข้าไปที่ Youtube Studio -> Video -> คลิปที่เราต้องการดูสถิติ จากนั้นคลิกที่ไอคอน Analytics ตามรูปด้านล่าง และไปที่ tab ที่ชื่อว่า Reach

เลื่อนลงมาด้านล่าง เราก็จะเจอ Block ที่แสดงผการค้นหาจาก Keyword ว่า คนดูเจอคลิปเราจากคำไหนบ้าง ซึ่งหลายๆ คำก็มาจาก Tag ที่เราใส่เอาไว้นั่นเองครับ

สำหรับใครที่อยากอ่านลิงค์ต้นทางของบทความที่ผมเคยอ่านมา ตามไปดูต้นฉบับได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
https://backlinko.com/hub/youtube/tags

อันนี้ก็เป็นเครื่องมืออีกอย่างที่จะช่วยให้คนดู ค้นหาเจอคลิปของเราได้ง่ายขึ้นครับ แต่ที่สำคัญ เนื้อหาของเราต้องมีคุณภาพเพียงพอที่จะทำให้คนดูเกิดการแชร์ออกไป หลังจากที่ได้ดูคลิปของเราด้วย จำนวน Views และ Subs ของเราก็จะได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วยไงล่ะครับ 😁

อย่าลืมตามเข้าไป Subscribe ช่องของของผมและติดตามเพจกันได้ที่
https://www.youtube.com/UndervlogDotBlog
https://fb.com/Undervlog

ไว้เจอกันใหม่ ในคลิปหรือบทความหน้า สวัสดีครับ👏

**ภาพปกจาก freepik.com